พระพุทธเจ้าตรัสถึงวิธีการพิพากษาของ พระยายม ไว้ในพระสูตรที่มีชื่อว่า เทวทูตสูตร ซึ่งทำให้เห็นว่าพระยายมเป็นเทวดาผู้ทรงธรรม และพยายามช่วยให้วิญญาณเข้าใจในสัจธรรมชีวิต ไม่ได้เป็นเทวดาที่โหดร้ายอย่างที่ใคร ๆ คิด
พระยายมในจินตนาการของคนส่วนใหญ่อาจมองว่าพระองค์มีความโหดร้าย น่ากลัว แต่หากอ่านพระยายมในพระสูตรนี้แล้ว จะเห็นภาพของพระยายมในอีกรูปลักษณ์หนึ่ง คือเป็นเทวดาผู้ทรงธรรม มีวาจาที่ไพเราะ และเข้าใจในเรื่องการเกิด-ดับเป็นอย่างดี
ครั้งพระพุทธเจ้าประทับยังพระเชตวัน อารามที่อนาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างถวาย พระองค์ทรงเล่าขั้นตอนการพิพากษาของพระยายมให้พระสาวกทั้งหลายฟังว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านายนิรยบาลนำดวงวิญญาณเข้าเฝ้าพระยายมแล้วทูลพระยายมว่า
“ข้าแต่พระองค์ วิญญาณดวงนี้ไม่ปฏิบัติดีต่อบิดามารดา สมณะ พราหมณ์ ไม่อ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ในครอบครัว ขอพระองค์โปรดลงทัณฑ์เถิด”
จากนั้นพระยายมตรัสปลอบโยนดวงวิญญาณเป็นอย่างดี แล้วถามวิญญาณนั้นด้วยข้อที่ 1 ว่า
“พ่อมหาจำเริญ ท่านไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 1 ตอนที่ยังเป็นมนุษย์เลยเหรอ”
หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น พระยายมจะถามต่อว่า
“เดี๋ยวก่อน ท่านไม่เคยเห็นเด็กที่เพิ่งเกิดตัวแดง ๆ เลยหรือ ซึ่งออกมาจากท้องของแม่ เนื้อตัวเปื้อนด้วยคูถของตน”
เมื่อดวงวิญญาณเข้าใจแล้วจึงตอบทันทีว่า “เคยเห็นเจ้าข้า”
พระยายมจะตรัสถามต่อทันทีว่า
“เดี๋ยวก่อน ท่านรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่แล้ว พอจะมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาบ้างไหมว่า ความเกิดมีขึ้นเป็นธรรมดา ไม่สามารถพ้นความเกิดไปได้ ควรทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ”
หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่เคยคิดแบบนี้ ไม่เคยคิดจะทำดีด้วยกาย วาจา และใจ พระยายมจะตรัสว่า
“ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ หากท่านไม่เคยทำความดีทางกาย วาจา และใจไว้ ทั้งยังใช้ชีวิตด้วยความประมาท ท่านจะต้องเป็นไปตามผลบาปที่สร้างไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตัวท่านเอง”
จากนั้นพระยายมทรงปลอบโยนดวงวิญญาณให้คลายความหวาดกลัว แล้วทรงถามคำถามข้อที่ 2 ต่อว่า
“พ่อมหาจำเริญ ท่านไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 2 ในตอนที่ยังเป็นมนุษย์เลยเหรอ”
หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น พระยายมจะถามต่อว่า
“เดี๋ยวก่อน ท่านไม่เคยเห็นหญิง หรือชายที่แก่ชรา หลังงอ ถือไม้เท้า ฟันหัก ผมหงอก เนื้อตัวตกกระ บ้างเลยหรือ”
เมื่อดวงวิญญาณเข้าใจจึงตอบว่าเคยเห็นเจ้าข้า พระยายมจะตรัสถามต่อทันทีว่า
“เดี๋ยวก่อน ท่านรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่แล้ว พอจะมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมาบ้างไหมว่า ความแก่เป็นธรรมดา ไม่สามารถพ้นจากความแก่ไปได้ จึงควรทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ”
หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่เคยคิดแบบนี้ ไม่เคยทำดีด้วยกาย วาจา และใจ พระยายมจะตรัสว่า
“ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ หากท่านไม่เคยทำความดีทางกาย วาจา และใจไว้ ทั้งยังใช้ชีวิตอย่างประมาท ท่านจะต้องเป็นไปตามผลบาปที่สร้างไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตัวของท่านเอง”
จากนั้นพระยายมทรงปลอบโยนดวงวิญญาณให้คลายความหวาดกลัว แล้วทรงถามคำถามข้อที่ 3 ว่า
“พ่อมหาจำเริญ ท่านไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 3 ในตอนที่ยังเป็นมนุษย์เลยเหรอ”
หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น พระยายมจะถามต่อว่า
“เดี๋ยวก่อน ท่านไม่เคยเห็น ผู้ป่วยที่ทนทุกข์ เป็นไข้หนัก นอนเปื้อนมูตรคูถของตน มีคนอื่นคอยพยุงลุก พยุงเดิน บ้างเลยหรือ”
เมื่อดวงวิญญาณเข้าใจจึงตอบว่าเคยเห็นเจ้าข้า พระยายมจะตรัสถามต่อทันทีว่า
“เดี๋ยวก่อน ท่านรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่แล้ว พอจะมีความคิดนี้ขึ้นมาบ้างไหม ความเจ็บป่วยมีขึ้นเป็นธรรมดา ไม่มีใครสามารถพ้นความเจ็บป่วยไปได้ จึงควรทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ”
หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่เคยคิดแบบนี้ ไม่เคยทำดีด้วยกาย วาจา และใจ พระยายมจะตรัสว่า
“ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ หากท่านไม่เคยทำความดีทางกาย วาจา และใจไว้ ทั้งยังใช้ชีวิตด้วยความประมาท ท่านจะต้องเป็นไปตามผลบาปที่สร้างไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตัวท่านเอง”
จากนั้นพระยายมทรงปลอบโยนดวงวิญญาณให้คลายความหวาดกลัว แล้วทรงถามคำถามข้อที่ 4 ไปว่า
“พ่อมหาจำเริญ ท่านไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 4 ในตอนที่ยังเป็นมนุษย์เลยเหรอ”
หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น พระยายมจะถามต่อว่า
“เดี๋ยวก่อน ท่านไม่เคยเห็น นักโทษได้รับโทษทัณฑ์จากพระราชาบ้างเลยหรือ”
เมื่อดวงวิญญาณเข้าใจจึงตอบว่าเคยเห็นเจ้าข้า พระยายมจะตรัสถามต่อทันทีว่า
“เดี๋ยวก่อน ท่านรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่แล้ว พอจะมีความคิดนี้ขึ้นมาบ้างไหม คนที่ทำความชั่วอันลามกย่อมได้รับโทษทัณฑ์ จึงควรทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ”
หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่เคยคิดแบบนี้ ไม่เคยทำดีด้วยกาย วาจา และใจ พระยายมจะตรัสว่า
“ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ หากท่านไม่เคยทำความดีทางกาย วาจา และใจไว้ ทั้งยังใช้ชีวิตด้วยความประมาท ท่านจะต้องเป็นไปตามผลบาปที่สร้างไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตัวท่านเอง”
จากนั้นพระยายมทรงปลอบโยนดวงวิญญาณให้คลายความหวาดกลัว แล้วทรงถามคำถามข้อที่ 5 ว่า
“พ่อมหาจำเริญ ท่านไม่เคยเห็นเทวทูตที่ 5 ในตอนที่ยังเป็นมนุษย์เลยเหรอ”
หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น พระยายมจะถามต่อว่า
“เดี๋ยวก่อน ท่านไม่เคยเห็นซากศพที่ตายแล้ว วันหนึ่ง หรือสองวัน หรือสามวัน ขึ้นพอง เขียวช้ำ มีน้ำเหลืองเยิ้มบ้างเลยหรือ”
ดวงวิญญาณเข้าใจจึงตอบว่าเคยเห็นเจ้าข้า พระยายมจะตรัสถามต่อทันทีว่า
“เดี๋ยวก่อน ท่านรู้ความ มีสติ เป็นผู้ใหญ่แล้ว พอจะมีความคิดนี้ขึ้นมาบ้างไหม ความตายเป็นธรรมดา ไม่สามารถพ้นความตายไปได้ จึงควรทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ”
หากดวงวิญญาณตอบว่าไม่เคยคิดแบบนี้ ไม่เคยทำดีด้วยกาย วาจา และใจ พระยายมจะตรัสว่า
“ดูก่อนพ่อมหาจำเริญ หากท่านไม่เคยทำความดีทางกาย วาจา และใจไว้ ทั้งยังใช้ชีวิตด้วยความประมาท ท่านจะต้องเป็นไปตามผลบาปที่สร้างไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะตัวท่านเอง”
เมื่อดวงวิญญาณไม่สามารถเข้าใจถึงสิ่งที่เทวทูตทั้ง 5 กำลังจะบอก เพื่อให้ประพฤติทำความดีด้วยกาย วาจา และใจ ในตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ พระยายมจะตัดสินไปทางผลของกรรมที่ทำไว้ นายนิรยบาลจะนำตัววิญญาณไปยังนรกขุมต่าง ๆ ตามความเหมาะสมของบาปที่ทำไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่
ที่มา : เทวทูตสูตร
0 ความคิดเห็น