บทสวดโพชณังคปริตร


บทสวดโพชณังคปริตร

โพชณังคปริตร เป็นบทสวดประเภทสัจกิริยา แปลว่า การตั้งความสัตย์ หรือสัจจาธิษฐาน แปลว่า การอธิษฐานในใจโดยอ้างสัจจะ ดังนั้น การสวดจะมีผลต่อการรักษาโรค หัวใจของบทสวด คือมีศรัทธาเชื่อมั่นว่า พระพุทธเจ้าทรงใช้โพชฌังคปริตรรักษาพระมหาโมคคัลลานะ พระมหากัสสะปะให้หายจากอาพาธ และทรงให้พระจุนทะสวดถวายรักษาอาการประชวรของพระองค์หายได้จริง เมื่อเชื่อมั่นอย่างนี้ ขณะกล่าวคำสวด และใจของผู้สวดตรงกันเป็นความจริงแล้วจึงเกิดปีติความอิ่มเอิบใจ เมื่อมารวมกับอานุภาพของพระรัตนตรัยย่อมเกิดเป็นพระพุทธมนต์อันยิ่งใหญ่รักษาโรคให้หายได้

สวดพระปริตรอย่างไร
พระปริตรกล่าวถึง คุณของพระรัตนตรัย และกล่าวถึงการเจริญเมตตาภาวนา ดังนั้น การสวดพระปริตรเป็นประจำจะทำให้เกิดอานุภาพกับผู้ที่ปฏิบัติโดยตรง

แต่เดิมการสวดพระปริตรเป็นการบริกรรมภาวนาเฉพาะตัว เพื่อคุ้มครองป้องกันตัวเอง ให้ได้รับผลานิสงส์ ประสบความสวัสดี ปราศจากทุกข์ ได้รับชัยชนะ เหนือสัตว์ร้าย อมนุษย์ร้าย ทั้งหลาย แคล้วคลาดจากอุปสรรค อันตราย มีสุขภาพดีและมีอายุยืนแต่เมื่อการสวดพระปริตรขยายวงกว้างออกไปเพื่อคุ้มครองผู้อื่น จึงเกิดพิธีกรรมสวดพระปริตรเป็นหมู่คณะ หรือเจริญพุทธมนต์ขึ้น

ผู้สวดพระปริตรต้องเพียบพร้อมด้วยองค์ ๓ คือ
๑. มีเมตตามุ่งประโยชน์แก่ผู้ฟัง
๒. สวดถูกอักขระ ไม่มีบทพยัญชนะที่ผิดพลาด
๓. รู้ความหมายของบทสวด

แม้ผู้ฟังพระปริตรก็ต้องมีองค์ ๓ เช่นกัน คือ
๑.ไม่เคยทำอนันตริยกรรม ๕ คือ ฆ่าบิดา ฆ่ามารดา ฆ่าพระอรหันต์ ประทุษร้ายนางภิกษุณี และทำสังฆเภท
๒.ไม่มีมิจฉาทิฐิที่เห็นผิดว่า กรรมและผลกรรมไม่มี
๓.เชื่อมั่นในพลานุภาพพระปริตรว่า มีจริง สามารถคุ้มครองผู้ฟังได้จริง

อย่างไรก็ดี พระปริตรจะไม่คุ้มครองรักษา เพราะเหตุ ๓ ประการ คือ
๑. กรรมเข้าขัดขวาง ๒. กิเลสเข้าขัดขวาง ๓. เพราะไม่เชื่อในอานุภาพ

การสวดพระปริตรนั้น มีอำนาจอานุภาพคุ้มครอง ป้องกันอันตรายภัยพิบัติต่าง ๆ เกิดความสุขสวัสดีมีชัย และยังถือว่าเป็นมงคล ไม่มีคำสาปแช่งให้ร้าย เป็นการให้พร แสดงความปรารถนาดี ด้วยหลักธรรมสำคัญสองข้อ คือ สัจจกิริยา และ เมตตา

ผู้สวดพระปริตรมีเมตตาจิตเป็นเบื้องต้น แล้วสวดด้วยคิดจะช่วยขจัดปัดเป่าให้เขาพ้นทุกข์ ตามความมุ่งหมายของพระปริตร และ ขณะสวดมีจิตใจมั่นคง ไม่ฟุ้งซ่าน พระปริตรจะบำบัด ขจัดปัดเป่า ป้องกัน คุ้มครอง มีเดช มีอานุภาพ การเปล่งเสียงพระปริตรด้วยจิตที่เลื่อมใส ศรัทธาอย่างแท้จริง พร้อมกับจินตนาการเชื่อว่าเป็นยาวิเศษที่มีสรรพคุณชะงัด ไม่น้อยไปกว่าสมุนไพรทั้งหลาย

การตั้งใจสวดย่อมแสดงถึง ความเมตตารักใคร่ที่มีต่อกัน เพื่อป้องกันและปัดเป่าภยันตรายออกไป เป็นการน้อมนำอานุภาพพระพุทธคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สัจจะ และ พระธรรม ความเมตตากรุณาให้แผ่ออกไปกว้างขวาง โดยไม่มีขอบเขต
อานิสงค์ของการสวดโพชณังคปริตร คือ ทำให้มีสุขภาพดี อายุยืนและพ้นจากอุปสรรคทั้งปวง

บทสวดโพชณังคปริตร

โพชฌังโค สะติสังขาโต ธัมมานัง วิจะโย ตะถา
โพชฌงค์ ๗ ประการ คือสติสัมโพชฌงค์ ธรรมวิจยะสัมโพชฌงค์

วิริยัมปีติ ปัสสัทธิ โพชฌังคา จะตะถาปะเร
วิริยสัมโพชฌงค์ ปีติสัมโพชฌงค์ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์

สะมาธุเปกขะโพชฌังคา  สมาธิสัมโพชฌงค์และอุเบกขาสัมโพชฌงค์

สัตเตเต สัพพะทัสสินา มุนินา สัมมะทักขาตา
๗ประการเหล่านี้ เป็นธรรมอันพระมุนีเจ้า ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวงตรัสไว้ชอบแล้ว

ภาวิตา พะหุลีกะตา  อันบุคคลเจริญแล้วกระทำให้มากแล้ว

สังวัตตันติ อะภิญญายะ นิพพานายะ จะโพธิยา
ย่อมเป็นไปเพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้และเพื่อนิพพาน

เอเตนะสัจจะวัชเชนะ  ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
ขอความสวัสดีจงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

เอกัสมิง สะมะเย นาโถ โมคคัลลานัญจะกัสสะปัง คิลาเน ทุกขิเต ทิสวา
ในสมัยหนึ่ง พระโลกนาถเจ้าทอดพระเนตรเห็นพระโมคคัลลานะ และพระมหากัสสปะเป็นไข้ได้รับความลำบาก

โพชฌังเค สัตตะ เทสะยิ
จึงทรงแสดงโพชฌงค์ ๗ประการ ให้ท่านทั้งสองฟัง

เต จะ ตัง อะภินันทิตวา  ท่านทั้งสองนั้นชื่นชมยินดียิ่ง ซึ่งโพชฌงคธรรม

โรคา มุจจิงสุ ตังขะเณ  ก็หายโรคได้ในบัดดล

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ  ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
ขอความสวัสดีจงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

เอกะทา ธัมมะราชาปิเคลัญเญนาภิปีลิโต
ในครั้งหนึ่ง องค์พระธรรมราชาเอง(พระพุทธเจ้า)ทรงประชวรเป็นไข้หนัก

จุนทัตเถเรนะ ตัญเญวะ ภะณาเปตวานะสาทะรัง
รับสั่งให้พระจุนทะเถระกล่าวโพชฌงค์นั้นนั่นแลถวายโดยเคารพ

สัมโมทิต์วา จะ อาพาธา ตัมหา วุฏฐาสิฐานะโส
ก็ทรงบันเทิงพระหฤทัยหายจากพระประชวรนั้นได้โดยพลัน

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ  ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
ขอความสวัสดีจงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

ปะหีนา เต จะ อาพาธา ติณณันนัมปิมะเหสินัง
ก็อาพาธทั้งหลายนั้น ของพระผู้ทรงคุณอันยิ่งใหญ่ทั้ง ๓ องค์นั้นหายแล้วไม่กลับเป็นอีก

มัคคาหะตะกิเลสาวะปัตตานุปปัตติธัมมะตัง
ดุจดังกิเลส ถูกอริยมรรคกำจัดเสียแล้วถึงซึ่งความไม่เกิดอีกเป็นธรรมดา

เอเตนะ สัจจะวัชเชนะ  ด้วยการกล่าวคำสัตย์นี้

โสตถิ เต โหตุ สัพพะทา
ขอความสวัสดีจงบังเกิดมีแก่ท่าน ตลอดกาลทุกเมื่อ

แสดงความคิดเห็น

0 ความคิดเห็น